วิธีคุมงบประมาณการก่อสร้าง...ไม่ให้บานปลาย

ช่วงนี้อะไรๆก็ขึ้นๆลงตลอด การวางแผน การประมาณเนื้องานและราคาก็จะช่วยให้เราเห็นภาพและมีราคาที่ใกล้เคียงกับความจริงมากที่สุด
ข้อดีก็คือ
1. จะช่วยลดความผิดพลาดและข้อขัดแย้งระหว่างดำเนินการก่อสร้างได้ดี
2. สะดวกในการจัดซื้อและจัดการวงเงินการก่อสร้างได้
3. มีราคาเบื้องต้นอย่างชัดเจน และสามารถควบคุมการทำงานของผู้ได้รับมอบหมายได้
4. ทำงานงานและรวดเร็วมากข้น
5. เจ้าของโครงการสามารถใช้ในการยื่นต่อสถาบันการเงินได้
6. ช่วยในการประกอบการพิจารณาเพิ่มเติมในการปรับเปลี่ยน ลดระยะเวลาและรายละเอียดต่างๆในการก่อสร้างได้ดีเลยค่ะ


ซึ่งปัจจัยในการดำเนินหลักๆที่มีก็คือ
1. ขอบเขตงาน - หนึ่งในหัวใจสำคัญก็คือความต้องการของเจ้าของโครงการค่ะ จำเป็นต้องกำหนดทุกอย่างให้ครบถ้วนชัดเจน และมีการสื่อสารกับทุกฝ่ายอย่างเข้าใจและชัดเจน เพื่อให้การทำงานลื่นไหลอย่างสะดวก ไม่ต้องมานั่งแก้งานทีหลัง

2. การวางแผนงาน - วางแผนดีมีชัยไปกว่าครึ่งเลยค่ะ เริ่มจากการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ การประเมินความเสี่ยงต่างๆที่จะเกิดขึ้นเพื่อหาวิธีรองรับไว้ก่อน การจัดการขอบเขตการทำงาน การวางแผนการออกแบบ แผนการทำงาน การจัดซื้อ และการวางแผนงานก่อสร้าง สิ่งเหล่านี้จะช่วยคุมระยะเวลาและคุณภาพ รวมถึงต้นทุนได้ดีเยี่ยม

3. การวางแผนโครงสร้างงาน กำหนดและมอบหมายงาน - อีกหัวใจคัญที่ละเลยไม่ได้เลย การวางแผนโครงสร้างให้ถูกต้องและครบถ้วน รวมถึงการ recheck งานต่างๆ เพื่อให้วัตถุประสงค์และแผนงานเป็นไปได้อย่างราบรื่น

4. การออกแบบ - มีผลโดยตรงกับต้นทุนและงบประมาณอย่างแน่นอน ซึ่งในขั้นตอนการออกแบบนี้จะต้องมีการจัดการที่ดีควบคู่ไปด้วยนะคะ เพื่อให้ไปถึงการใช้งานที่ครบถ้วนของเจ้าของโครงการ ไม่ว่าจะเป็นความคุ้มค่าและสร้างได้จริง เป็นไปตามกฏหมายกำหนด ค่าบำรุงรักษา ความแข็งแรงและความปลอดภัยด้วยค่ะ

5. การจัดทำ BOQ และการทำราคา - เพื่อควบคุมงบประมาณในการก่อสร้าง เราควรมีการประมาณราคาและทำราคากลางไว้ก่อน เพื่อความแม่นยำซึ่งจะมีผลโดยตรงกับการควบคุมงบประมาณเป็นอย่างมากเลยค่ะ

6. การจัดซื้อจัดจ้าง - เรื่องเงินเป็นเรื่องสำคัญมาก การเริ่มต้นจากการคัดเลือกผู้รับเหมาและวิเคราะห์คุณสมบัติ(Pre-Qualification) ราคาและผลงานเป็นสิ่งที่ดีค่ะ ยิ่งโครงการละเอียดซับซ้อน อาจต้องใช้เวลาพอสมควรในการบริหารจัดการที่ดี เพราะหากการจัดซื้อล่าช้า ราคาสูงกว่าต้นทุนแต่คุณภาพของวัสดุไม่ถึงสเปค หรือผู้รับผิดชอบขาดความชำนาญในการทำงานและการแก้ปัญหา ก็จะมีปัญหาตามมาเยอะมากเลย ต้นทุนเวลาและงบประมาณก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย ดังนั้นการกำหนดขอบเขตให้ชัดเจน ถูกต้องครบถ้วนและแม่นยำ การทำ BOQ ที่ถูกต้องครบถ้วนก็ช่วยได้มากในการจัดซื้อและการสำรวจราคาค่ะ

7. เทคโนโลยีที่เหมาะสม - เพื่อความรวดเร็ว แม่นยำและถูกต้องในการทำงาน เทคโนโลยีหรือโปรแกรมที่นำมาใช้เป็นสิ่งที่สำคัญเช่นกันค่ะ ไม่ว่าจะเป็นโปรแกรม
       > BIM (Building Information Modeling) > ใช้ในการออกแบบอาคาร การประมาณราคาจนถึงการก่อสร้าง จะช่วยในการสื่อสารได้ดีเพราะภาพจะเป็น 3มิติและมีความชัดเจนจน ถ้าเห็นข้อผิดพลาดก็สามารถแก้ไขได้ก่อนลงมือทำจริง
       > โปรแกรมควบคุมเอกสาร - โปรแกรมที่นิยมใช้กันในการจัดการเอกสาร การจัดเก็บ จัดเรียง การควบคุมการอนุมัติงบประมาณต่างๆเพื่อความแม่นยำและความถูกต้องในการดำเนินงาน
       > โดรน - ถูกนำมานิยมใช้ในการสำรวจและตรวจงานก่อสร้าง เช่น การใช้ในการสำรวจสอบคุณภาพงานอาคารจากที่สูง ผิวอาคารภายนอกเพื่อลดความเสี่ยงอันอาจทำให้เกิดขึ้นกับบุคลากรได้ค่ะ

8. การก่อสร้าง - สิ่งสำคัญคือวัตถุประสงค์ ขอบเขตของงาน และความต้องการของเจ้าของโครงการค่ะ ฉะนั้นหัวใจสำคัญในแต่ละจุดในการดำเนินงานมีความสำคัญไล่เรียงมาทุกลำดับ ควรจะเริ่มจาก การออกแบบและรายละเอียดประกอบต่างๆ การจัดซื้อวัสดุ การคัดเลือกผู้รับเหมา การวางแผนงาน และการบริหารจัดการที่ดี จะช่วยให้งานมีประสิทธิภาพและควบคุมต้นทุนเวลาและงบประมาณได้ดีเยี่ยม

9. การควบคุมบริหารและติดตามงาน - อะไรก็เกิดขึ้นได้ระหว่างการดำเนินงาน เพื่อให้ได้แก้ไขและเพิ่มความมั่นใจ ทีมงานสามารถนำระบบ Work Breakdown Structure และทำ Checklist ในการติดตามงานอย่างสม่ำเสมอก็จะช่วยป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นระหว่างการดำเนินงานได้ดีเลยค่ะ

แท้จริงแล้ว ในทุกๆขั้นตอนมีความสำคัญหมดเลยค่ะ ฉะนั้นเราต้องใส่ใจในทุกๆรายละเอียดและทุกขั้นตอนเลยนะคะ แอดมั่นใจว่าถ้าใส่ใจในทุกขั้นตอนก็สามารถจะควบคุมทั้งต้นทุนเวลาและงบประมาณ รวมถึงผลงานการก่อสร้างจะมีประสิทธิภาพเป็นอย่างมากเลยทีเดียวเลยค่ะ

และหากท่านในสนใจเหล็กที่มีมาตรฐานในการก่อสร้าง สามารถสอบถามหรือติดต่อเรามาได้ทางไลน์ @kuanglee นะคะ

ขอบคุณข้อมูลจาก www.propertist.co.th และ www.baan-d.com